วันพฤหัสบดีที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

การทำจิ้นส้ม


การทำจิ้นส้มหมู (แหนม)

การทำจิ้นส้มหมู (แหนม)
การถนอมอาหาร นับเป็นกรรมวิธีที่ทุกชาติทุกภาษาต่างให้ความสนใจ เพราะสมัยก่อนเทคโนโลยี เช่น ตู้เย็นไม่มี ชาวล้านนา ก็มีวิธีถนอมอาหารหลายๆ ชนิด แต่ที่น่าสนใจและกลายเป็นสินค้าที่ขึ้นหน้าขี้นตา และกลายเป็นของฝากสำหรับ นักท่องเที่ยวจะนำ กลับไปฝากญาติมิตรได้สะดวก และอร่อยเป็นที่ถูกปากของผู้รับประทาน คือ การทำจิ้นส้มหมู หรือแหนมจิ้นก็คือ ชิ้น หมายถึง เนื้อ ส้มคือ เปรี้ยว ซึ่งเป็นรสของแหนม ส่วนคำว่า หมู นำมาขยายเพื่อให้ทราบว่าทำจากเนื้อหมู ความจริงแล้วเนื้ออื่นๆ เช่น วัว หรือสัตว์อื่น ก็ไม่นิยมนำมาทำ คงเพราะรสชาติไม่ดีเท่าเนื้อหมู
ส่วนผสม
๑. เนื้อหมูและหนัง
๒. เกลือ
๓. กระเทียม
๔. ข้าวเหนียวนึ่งสุกแล้ว
๕. ดินไฟ (ดินประสิว) วิธีทำ
นำเนื้อหมูมาสับให้ละเอียด สำหรับหนังหมู (ติดมันเล็กน้อย) เอาต้มให้สุก จากนั้นนำมาหั่นให้ละเอียดตามความต้องการ เมื่อเตรียมเนื้อหมูและหนังหมูเรียบร้อย จึงนำกระเทียมและดินไฟโขลก ให้ละเอียด จากนั้นนำมาคลุกกับเนื้อหมูและหนังหมูและเติมเกลือลงไปกะประมาณให้พอดีแล้วจึงเอาข้าวเหนียวคลุกลงไปเล็กน้อย หมักไว้อย่างน้อยประมาณ ๓ วันก็รับประทานได้ ขณะหมักอาจจะใช้พริกขี้หนูเป็นเม็ดหมักลงไปด้วย พอครบ ๓ วัน (ถ้าเป็นจิ้นส้มเนื้อ ก็มีวิธีเหมือนกัน เพียงแต่ไม่ใส่หนังลงไป)
ปัจจุบันมีผู้ประยุกต์การทำจิ้นส้มหมู โดยนำเอาเฉพาะหูหมู หรือเนื้อเฉพาะส่วน เช่น คอหมู ซี่โครงหมู มาทำจิ้นส้ม ให้มีรสชาติ แปลกออกไป และมีการนำเอาเครื่องมือการปรุงมาใช้เพื่อผลิตได้เป็นจำนวนมาก เช่น ที่บดหมู ที่ปั่น และเครื่องมือบรรจุจิ้นส้มหมู ในถุงพลาสติกให้มิดชิด เพราะใบตองในปัจจุบันเป็นของหายากและราคาแพง
ในการหมักนั้นหากหมักในหม้อปิดฝาให้มิดชิด เรียกว่า "จิ้นส้มหม้อ" บางทีห่อใบตองห่อขนาดใหญ่เพื่อประหยัดใบตอง สมัยก่อนนิยมใช้ใบตองห่อหลายๆ ชั้น เพื่อไม่ให้อากาศเข้าจะช่วยให้ได้จิ้นส้มมีคุณภาพดี สีแดงและเนื้อหมูไม่แฉะ น่ารับประทาน
http://kanchanapisek.or.th/kp8/cem/cem501e.html

การทำเค้กเครป

  1. แป้งเค้ก 200 กรัม

          2. ผงฟู 1/2 ช้อนชา

          3. ไข่ไก่เบอร์ 0 6 ฟอง
      
          4. นมสด 250 กรัม

         5. วิปครีม 200 กรัม หรือใช้นมข้นจืดแทนได้คะ

         6. น้ำเปล่า 300 กรัม

         7. น้ำตาลทราย 100 กรัม

         8. น้ำมันพืช 80 กรัม

         9. เกลือ 1/2 ช้อนชา

         10. กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา

         11. เหล้ารัม 1 ช้อนชา



วิธีทำวิปครีม


วิธีทำ

         1. นำส่วนผสมมาชั่ง และตวงตามสูตรเสร็จแล้วนำมาผสมกันในโถ  หรือใครจะใช้เครื่องปั่น นำมาปั่นเอาก็ได้ ปั่นจนแป้งไม่เป็นเม็ดก็พอ จากนั้นนำส่วนผสมแช่เย็นไว้ 2 ชม. หรือข้ามคืนไปเลยก็ได้ อย่าลืมช้อนฟองออกนะคะ ( ** แป้งเครปที่ผสมแล้ว สามารถเก็บได้ถึง 48 ชม

การทำพิซซา

  พิซซา (Pizza) เป็นอาหารอิตาเลี่ยน คำว่า "พิซซา" ตรงกับภาษาอังกฤษว่า "พาย" นิยมกันมาก ในสหรัฐอเมริกา และเป็นที่รู้จัก ของ คนไทย เมื่อไม่นาน มานี้ พิซซาประกอบด้วย 3 ส่วน คือ แผ่นแป้ง ซอส และเครื่องแต่งหน้า แผ่นแป้งมีหลายตำรับอาจใช้ผงฟู หรือยีสต์ แผ่นแป้งที่ขึ้นฟูด้วย ผงฟู จะกรอบ แบบแคร็กเกอร์ (Cracker) ส่วนยีสต์จะทำให้แผ่นแป้งเหนียว และนุ่ม พิซซาซอสทำจาก มะเขือเทศสด ปรุงรสตามชอบ และใส่เครื่องเทศ ให้มีกลิ่นเฉพาะ บางตำรับใส่ใบโหระพา กานพลู ใบ กระวาน และอื่น ๆ แต่ส่วนใหญ่ นิยมใส่ผง อริกาโน บางคนใช้ซอสมะเขือเทศที่ขายตาม ท้องตลาดแทนพิซซาซอสนี้เลย เครื่องแต่งหน้าที่นิยมคือ แฮม ไส้กรอก หรือ เนื้อสัตว์ ประเภทต่าง ๆ ตามชอบ ส่วนผักมักใช้ พริกหวาน หอมใหญ่ มะกอกฝรั่ง และเห็ด สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ เนยแข็ง (mozzarelle cheese) สำหรับโรยหน้า

พิซซา (Pizza) เป็นอาหารอิตาเลี่ยน คำว่า "พิซซา" ตรงกับภาษาอังกฤษว่า "พาย" นิยมกันมาก ในสหรัฐอเมริกา และเป็นที่รู้จัก ของ คนไทย เมื่อไม่นาน มานี้ พิซซาประกอบด้วย 3 ส่วน คือ แผ่นแป้ง ซอส และเครื่องแต่งหน้า แผ่นแป้งมีหลายตำรับอาจใช้ผงฟู หรือยีสต์ แผ่นแป้งที่ขึ้นฟูด้วย ผงฟู จะกรอบ แบบแคร็กเกอร์ (Cracker) ส่วนยีสต์จะทำให้แผ่นแป้งเหนียว และนุ่ม พิซซาซอสทำจาก มะเขือเทศสด ปรุงรสตามชอบ และใส่เครื่องเทศ ให้มีกลิ่นเฉพาะ บางตำรับใส่ใบโหระพา กานพลู ใบ กระวาน และอื่น ๆ แต่ส่วนใหญ่ นิยมใส่ผง อริกาโน บางคนใช้ซอสมะเขือเทศที่ขายตาม ท้องตลาดแทนพิซซาซอสนี้เลย เครื่องแต่งหน้าที่นิยมคือ แฮม ไส้กรอก หรือ เนื้อสัตว์ ประเภทต่าง ๆ ตามชอบ ส่วนผักมักใช้ พริกหวาน หอมใหญ่ มะกอกฝรั่ง และเห็ด สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ เนยแข็ง (mozzarelle cheese) สำหรับโรยหน้า

การทำเค้กกล้วยหอม

ส่วนผสม
    แป้งเค้ก      200  กรัม
             ผงฟู   1 1/2 ช้อนชา
      เบกกิ้งโซดา       1  ช้อนชา
             เกลือ     1/2  ช้อนชา
         ไข่ไก่        3  ฟอง
      น้ำมันพืช    1 ถ้วยตวง
กล้วยหอมสุกบด  200 กรัม
          น้ำมะนาว      1 ช้อนชา
                                                                         น้ำตาลทราย 180 กรัม


วิธีทำ

1. วอร์มเตาอบที่อุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียส ไฟบน - ล่าง

2. ร่อนแป้ง ผงฟู เบกกิ้งโซดา ให้เข้ากัน พักไว้

3. บดกล้วยหอมผสมกับน้ำมะนาวให้ละเอียด

4. ตีไข่ น้ำตาล และเกลือ ด้วยความเร็วสูง 7 - 8นาที

5. ปรับสปีดเป็นความเร็วต่ำ เติมแป้งลงไปพรวดเดียว ตีให้เข้ากัน 1 นาที

6. เติมน้ำมันพืช เทพรวดเดียว ปรับเป้นสปีดกลาง ตีต่อ 2 นาที

7. เติมส่วนผสมกล้วยบดกับน้ำมะนาว ตีด้วยความเร็วต่ำ 1 นาที ปิดเครืองใช้พายยางคนให้เข้ากันอีกที

8. ตัดหยอดใส่พิมพ์ ให้เกือบเต็มพิมพ์ ของรี่ใช้ที่ตักไอศครีมตักค่ะ ปริมาณ 1 สกู๊ปพอดี

9. นำเข้าเตาอบ ประมาณ 20 - 25 นาที


เค้กกล้วยหอมทานกับครีมชีสฟรอสติ้งก็จะเพิ่มความอร่อย (และความอ้วน) ขึ้นไปอีกนะคะ


  สูตรครีมชีสฟรอสติ้งค่ะ 

ครีมชีส           300  กรัม
วานิลลา      1/4  ช้อนชา
ไอซิ่ง        130  กรัม
      วิปปิ้งครีม   80  มิลลิกรัม  (แช่เย็น)

-  ตีผสมให้เนียนเข้ากัน ทำไปปาดหน้าเค้กได้เลยค่ะ

การทำลูกชิ้นปลา

วัตถุดิบในการทำลูกชิ้นปลา ก่อนที่จะเริ่มต้นทำ ลูกชิ้น ให้ทุกท่านมาดูวัตถุดิบที่ใช้ในการทำลูกชิ้นปลากันก่อนเลยครับว่ามีอะไรบ้าง ปลาที่ให้ความเหนียวและเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการทำลูกชิ้นได้แก่ ปลาอินทรี ปลาดาบลาว ปลาหางเหลือง ปลากราย ปลาสลาด ซึ่งเป็นปลาที่มีราคาค่อนข้างแพง ฉะนั้นในการทำอุตสาหกรรมลูกชิ้นจึงต้องใช้ปลาที่มีราคาถูก เช่น ปลาไหลทะเล ปลาฉลาม ปลาแดงตาโต ปลาน้ำดอกไม้ ปลาข้างเหลือง ปลาทรายแดง ปลาทรายขาว และปลาปากคม
 
 
ส่วนผสมในการทำลูกชิ้นปลา
1. เนื้อปลา ½ กิโลกรัม
2. เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ ( 3% ของน้ำหนักตัวปลา )
3. แป้ง 1 ช้อนโต๊ะ ( 2.5 – 5 % ของน้ำหนักตัวปลา )
4. น้ำแข็งบดละเอียดหรือน้ำเย็นจัด ( ขึ้นอยู่กับความชื้นของเนื้อปลาบด )
 
เครื่องไม้เครื่องมือในการทำ
1. มีดและเขียงชำแหละปลา
2. เครื่องบดปลา
3. เครื่องนวดปลา
4. หม้อต้มลูกชิ้น
 
วิธีทำทำลูกชิ้นปลา
- ขั้นตอนแรกให้ชำแหละปลาเอาแต่เนื้อ
- ขั้นตอนที่สองให้นำเนื้อปลามาบด ด้วยเครื่องบดประมาณ 2-3 ครั้ง หรือสับให้ละเอียด
- ต่อจากนั้นนวดเนื้อปลาในเครื่องนวดผสม ประมาณ 5 นาที จึงเติมเกลือ/น้ำเกลือครึ่งหนึ่ง
- พอเสร็จจากขั้นตอนการนวด ให้ท่านนวดต่อไปอีกประมาณ 5 นาที เติมเกลือส่วนที่เหลือ และนวดต่อไปอีกประมาณ 5-10 นาที ซึ่งระหว่างนวดเติมน้ำแข็งหรือน้ำเย็นจัด เพื่อให้เนื้อปลาเย็นและช่วยให้เหนียวยิ่งขึ้น ถ้าต้องเติมแป้งก็สลับกันกับน้ำจนกระทั้งเข้ากันดี
- ใช้ช้อนตักเนื้อปลาที่นวดแล้วให้เป็นลูกกลม ๆ ใส่ลงในน้ำอุ่น ๆ ที่อุณหภูมิประมาณ 40 องศาเซลเซียส นานประมาณ 20 นาที ระหว่างที่แช่ต้องคอยเติมน้ำอุ่นอยู่เสมอ เพื่อให้ลูกชิ้นแข็งตัวพอสมควร
- หลังจากนั้นนำลูกชิ้นไปต้มในน้ำเดือด เมื่อลูกชิ้นลอยแล้วจึงตักขึ้นแช่ในน้ำเย็นทันที
- และถ้าต้องการถนอมลูกชิ้น ให้แช่ในตู้เย็นเก็บได้นาน 1-2 สัปดาห์ (ไม่ควรแช่แข็ง) หรือแช่น้ำแข็งได้นาน 1 สัปดาห์

การทำหมูจิ

วิธีทำ จิ้มจุ่ม อร่อยอย่างมีคุณค่า สูตร จิ้มจุ่ม อร่อยอย่างมีคุณค่า : อีซี่ดู วันนี้ขอนำความรู้ ดีๆ มาให้ เป็นประจำทุกวัน ซึ่ง วิธีการทำอาหาร ของวันนี้คือ จิ้มจุ่ม อร่อยอย่างมีคุณค่า อาหารชนิดนี้นั้น เป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารที่นิยม รับประทาน นอกจากรสชาติที่อร่อย แล้วก็ยัง อุดมไปด้วยคุณค่าทางของสารอาหาร เอาหละ ตอนนี้ทุกคนน่าจะพร้อม ที่จะเริ่มทำอาหารกันแล้ว มาดูกันเลยว่า สูตรเด็ดของเราวันนี้นั้น มีวิธีทำ และ เครื่องปรุง ที่เราจะใช้ทำอาหาร อะไรบ้าง รับรองเลยว่า รสชาติเยี่ยม ไม่แพ้ภัตตาคาร มาทำให้กิน แน่นอน



วิธีทำจิ้มจุ่ม อร่อยอย่างมีคุณค่า และ เครื่องปรุง
อยากรับประทานอาหารประเภทจิ้มจุ่ม แต่ไม่อยากไปรับประทานนอกบ้าน ถามว่าเพราะอะไร ได้รับคำตอบว่า เนื้อสัตว์ไม่น่ารับประทาน ผักจะเป็นกะหล่ำปลีเสียส่วนใหญ่ อาจจะมีบางครั้งที่จัดเป็นโอกาสพิเศษในบ้าน โดยลูกๆให้ความร่วมมือ จึงต้องอร่อยด้วย มีคุณค่าด้วย อิ่มด้วย สุดท้ายต้องประหยัดการเลือกซื้ออาหารสดอาหารแห้งก่อนปรุง สิ่งสำคัญก็คงจะเป็นเนื้อสัตว์ ควรจะมีเนื้อไก่ เนื้อหมู ลูกชิ้นปลา ตับหมู ส่วนผักพวกกะหล่ำปลี ผักบุ้ง ขึ้นฉ่าย ต้นหอม คะน้า อย่าลืมซื้อซี่โครงไก่มาทำน้ำซุป มีหัวผักกาดขาว กุ้งแห้ง เกลือ น้ำปลา รากผักชี พริกไทยจากเครื่องปรุงทั้งหลายบางท่านอาจจะคิดว่าแพงไหมนี่ แต่ถ้าพูดถึงความคุ้มค่าหรือไม่1. ทุกคนในครอบครัวมีกิจกรรมร่วมกัน แม่ได้สอนลูกๆทำอาหารไปด้วย2. ประหยัดไม่ต้องออกจากบ้าน ทุกคนอิ่มอร่อย ได้อาหารที่คุณค่าราคาเหมาะสม3. อาหารสะอาด ปลอดภัย ได้ลงมือทำเองทุกอย่าง4. เลือกอุปกรณ์และเครื่องมือที่ใช้อยู่ในบ้าน แต่ถ้าสมาชิกในบ้านถูกใจ คงจะต้องจัดหาไว้ เช่น หม้อไฟฟ้าสำหรับต้มน้ำ กระชอนเล็กสำหรับลวกเนื้อสัตว์ ตะเกียบ ราคาไม่แพงมากส่วนผสม
http://www.eazydo.com/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%97%E0%B8%B3-%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%88%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%A1-%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2-%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3-%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%88%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%A1-%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2/

การทำลูกชื้นหมู

1. เนื้อแดง              800   กรัม
2. มันหมู                 200   กรัม
3. น้ำแข็งเกล็ด       200   กรัม
4. เกลือป่น             5   กรัม
5. พริกไทยป่น        5   กรัม
6. ผงแอกดอด        5   กรัม
7. แป้งมัน              160   กรัม
8. น้ำตาลทราย      10   กรัม
9. ผงรสดี               20   กรัม


1. เนื้อแดง              800   กรัม
2. มันหมู                 200   กรัม
3. น้ำแข็งเกล็ด       200   กรัม
4. เกลือป่น             5   กรัม
5. พริกไทยป่น        5   กรัม
6. ผงแอกดอด        5   กรัม
7. แป้งมัน              160   กรัม
8. น้ำตาลทราย      10   กรัม
9. ผงรสดี               20   กรัม




วิธีทำ
1. หมูเนื้อเลาะเอามัน พังผืด และมันติดออก
2. หั่นหมูเป็นชิ้นเล็ก ๆ ประมาณ 1x2 นิ้วบาง ๆ ใส่เกลือ คลุกให้ทั่วแล้วนำไปแช่ตู้เย็นประมาณ 3 ชั่วโมง
3. นำมาบดด้วยเครื่องบดเนื้อรูใหญ่ก่อน แล้วบดด้วยตะแกรงรู เล็กอีกทีหนึ่ง
4. นำออกใส่เครื่องสับเนื้อ สับจนเหนียว เติม ผลแอกคอด และน้ำแข็งเกล็ด
5. เติมเครื่องปรุง ตีไปเรื่อย ๆ และเติมน้ำแข็งไปเรื่อย ๆ จนได้ลักษณะมวลเหนียว ระหว่างตีควรรักษาอุณหภูมิ ไม่ให้เกิน 14-16 c
6. ปั้นลูกชิ้นเป็นก้อนกลม ด้วยมือขนาด ตามต้องการใส่ลงไปในน้ำร้อนที่มีอุณหภูมิ 60 c พอลูกชิ้นสุกจะลอยขึ้นมาตักขึ้น นำไปแช่ในน้ำร้อนที่มีอุณหภูมิ 80 c เวลา 10 นาที
7. ตักลูกชิ้นขึ้นให้สะเด็ดน้ำ บรรจุถุงพลาสติก มัดให้แน่ นำไปน็อกเย็น โดยใช้น้ำแข็งผสมน้ำ เล็กน้อยและเก็บในตู้เย็น
http://www.siamdara.com/ColumnGirl.asp?cid=1866