วันพฤหัสบดีที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

การทำจิ้นส้ม


การทำจิ้นส้มหมู (แหนม)

การทำจิ้นส้มหมู (แหนม)
การถนอมอาหาร นับเป็นกรรมวิธีที่ทุกชาติทุกภาษาต่างให้ความสนใจ เพราะสมัยก่อนเทคโนโลยี เช่น ตู้เย็นไม่มี ชาวล้านนา ก็มีวิธีถนอมอาหารหลายๆ ชนิด แต่ที่น่าสนใจและกลายเป็นสินค้าที่ขึ้นหน้าขี้นตา และกลายเป็นของฝากสำหรับ นักท่องเที่ยวจะนำ กลับไปฝากญาติมิตรได้สะดวก และอร่อยเป็นที่ถูกปากของผู้รับประทาน คือ การทำจิ้นส้มหมู หรือแหนมจิ้นก็คือ ชิ้น หมายถึง เนื้อ ส้มคือ เปรี้ยว ซึ่งเป็นรสของแหนม ส่วนคำว่า หมู นำมาขยายเพื่อให้ทราบว่าทำจากเนื้อหมู ความจริงแล้วเนื้ออื่นๆ เช่น วัว หรือสัตว์อื่น ก็ไม่นิยมนำมาทำ คงเพราะรสชาติไม่ดีเท่าเนื้อหมู
ส่วนผสม
๑. เนื้อหมูและหนัง
๒. เกลือ
๓. กระเทียม
๔. ข้าวเหนียวนึ่งสุกแล้ว
๕. ดินไฟ (ดินประสิว) วิธีทำ
นำเนื้อหมูมาสับให้ละเอียด สำหรับหนังหมู (ติดมันเล็กน้อย) เอาต้มให้สุก จากนั้นนำมาหั่นให้ละเอียดตามความต้องการ เมื่อเตรียมเนื้อหมูและหนังหมูเรียบร้อย จึงนำกระเทียมและดินไฟโขลก ให้ละเอียด จากนั้นนำมาคลุกกับเนื้อหมูและหนังหมูและเติมเกลือลงไปกะประมาณให้พอดีแล้วจึงเอาข้าวเหนียวคลุกลงไปเล็กน้อย หมักไว้อย่างน้อยประมาณ ๓ วันก็รับประทานได้ ขณะหมักอาจจะใช้พริกขี้หนูเป็นเม็ดหมักลงไปด้วย พอครบ ๓ วัน (ถ้าเป็นจิ้นส้มเนื้อ ก็มีวิธีเหมือนกัน เพียงแต่ไม่ใส่หนังลงไป)
ปัจจุบันมีผู้ประยุกต์การทำจิ้นส้มหมู โดยนำเอาเฉพาะหูหมู หรือเนื้อเฉพาะส่วน เช่น คอหมู ซี่โครงหมู มาทำจิ้นส้ม ให้มีรสชาติ แปลกออกไป และมีการนำเอาเครื่องมือการปรุงมาใช้เพื่อผลิตได้เป็นจำนวนมาก เช่น ที่บดหมู ที่ปั่น และเครื่องมือบรรจุจิ้นส้มหมู ในถุงพลาสติกให้มิดชิด เพราะใบตองในปัจจุบันเป็นของหายากและราคาแพง
ในการหมักนั้นหากหมักในหม้อปิดฝาให้มิดชิด เรียกว่า "จิ้นส้มหม้อ" บางทีห่อใบตองห่อขนาดใหญ่เพื่อประหยัดใบตอง สมัยก่อนนิยมใช้ใบตองห่อหลายๆ ชั้น เพื่อไม่ให้อากาศเข้าจะช่วยให้ได้จิ้นส้มมีคุณภาพดี สีแดงและเนื้อหมูไม่แฉะ น่ารับประทาน
http://kanchanapisek.or.th/kp8/cem/cem501e.html

การทำเค้กเครป

  1. แป้งเค้ก 200 กรัม

          2. ผงฟู 1/2 ช้อนชา

          3. ไข่ไก่เบอร์ 0 6 ฟอง
      
          4. นมสด 250 กรัม

         5. วิปครีม 200 กรัม หรือใช้นมข้นจืดแทนได้คะ

         6. น้ำเปล่า 300 กรัม

         7. น้ำตาลทราย 100 กรัม

         8. น้ำมันพืช 80 กรัม

         9. เกลือ 1/2 ช้อนชา

         10. กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา

         11. เหล้ารัม 1 ช้อนชา



วิธีทำวิปครีม


วิธีทำ

         1. นำส่วนผสมมาชั่ง และตวงตามสูตรเสร็จแล้วนำมาผสมกันในโถ  หรือใครจะใช้เครื่องปั่น นำมาปั่นเอาก็ได้ ปั่นจนแป้งไม่เป็นเม็ดก็พอ จากนั้นนำส่วนผสมแช่เย็นไว้ 2 ชม. หรือข้ามคืนไปเลยก็ได้ อย่าลืมช้อนฟองออกนะคะ ( ** แป้งเครปที่ผสมแล้ว สามารถเก็บได้ถึง 48 ชม

การทำพิซซา

  พิซซา (Pizza) เป็นอาหารอิตาเลี่ยน คำว่า "พิซซา" ตรงกับภาษาอังกฤษว่า "พาย" นิยมกันมาก ในสหรัฐอเมริกา และเป็นที่รู้จัก ของ คนไทย เมื่อไม่นาน มานี้ พิซซาประกอบด้วย 3 ส่วน คือ แผ่นแป้ง ซอส และเครื่องแต่งหน้า แผ่นแป้งมีหลายตำรับอาจใช้ผงฟู หรือยีสต์ แผ่นแป้งที่ขึ้นฟูด้วย ผงฟู จะกรอบ แบบแคร็กเกอร์ (Cracker) ส่วนยีสต์จะทำให้แผ่นแป้งเหนียว และนุ่ม พิซซาซอสทำจาก มะเขือเทศสด ปรุงรสตามชอบ และใส่เครื่องเทศ ให้มีกลิ่นเฉพาะ บางตำรับใส่ใบโหระพา กานพลู ใบ กระวาน และอื่น ๆ แต่ส่วนใหญ่ นิยมใส่ผง อริกาโน บางคนใช้ซอสมะเขือเทศที่ขายตาม ท้องตลาดแทนพิซซาซอสนี้เลย เครื่องแต่งหน้าที่นิยมคือ แฮม ไส้กรอก หรือ เนื้อสัตว์ ประเภทต่าง ๆ ตามชอบ ส่วนผักมักใช้ พริกหวาน หอมใหญ่ มะกอกฝรั่ง และเห็ด สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ เนยแข็ง (mozzarelle cheese) สำหรับโรยหน้า

พิซซา (Pizza) เป็นอาหารอิตาเลี่ยน คำว่า "พิซซา" ตรงกับภาษาอังกฤษว่า "พาย" นิยมกันมาก ในสหรัฐอเมริกา และเป็นที่รู้จัก ของ คนไทย เมื่อไม่นาน มานี้ พิซซาประกอบด้วย 3 ส่วน คือ แผ่นแป้ง ซอส และเครื่องแต่งหน้า แผ่นแป้งมีหลายตำรับอาจใช้ผงฟู หรือยีสต์ แผ่นแป้งที่ขึ้นฟูด้วย ผงฟู จะกรอบ แบบแคร็กเกอร์ (Cracker) ส่วนยีสต์จะทำให้แผ่นแป้งเหนียว และนุ่ม พิซซาซอสทำจาก มะเขือเทศสด ปรุงรสตามชอบ และใส่เครื่องเทศ ให้มีกลิ่นเฉพาะ บางตำรับใส่ใบโหระพา กานพลู ใบ กระวาน และอื่น ๆ แต่ส่วนใหญ่ นิยมใส่ผง อริกาโน บางคนใช้ซอสมะเขือเทศที่ขายตาม ท้องตลาดแทนพิซซาซอสนี้เลย เครื่องแต่งหน้าที่นิยมคือ แฮม ไส้กรอก หรือ เนื้อสัตว์ ประเภทต่าง ๆ ตามชอบ ส่วนผักมักใช้ พริกหวาน หอมใหญ่ มะกอกฝรั่ง และเห็ด สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ เนยแข็ง (mozzarelle cheese) สำหรับโรยหน้า

การทำเค้กกล้วยหอม

ส่วนผสม
    แป้งเค้ก      200  กรัม
             ผงฟู   1 1/2 ช้อนชา
      เบกกิ้งโซดา       1  ช้อนชา
             เกลือ     1/2  ช้อนชา
         ไข่ไก่        3  ฟอง
      น้ำมันพืช    1 ถ้วยตวง
กล้วยหอมสุกบด  200 กรัม
          น้ำมะนาว      1 ช้อนชา
                                                                         น้ำตาลทราย 180 กรัม


วิธีทำ

1. วอร์มเตาอบที่อุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียส ไฟบน - ล่าง

2. ร่อนแป้ง ผงฟู เบกกิ้งโซดา ให้เข้ากัน พักไว้

3. บดกล้วยหอมผสมกับน้ำมะนาวให้ละเอียด

4. ตีไข่ น้ำตาล และเกลือ ด้วยความเร็วสูง 7 - 8นาที

5. ปรับสปีดเป็นความเร็วต่ำ เติมแป้งลงไปพรวดเดียว ตีให้เข้ากัน 1 นาที

6. เติมน้ำมันพืช เทพรวดเดียว ปรับเป้นสปีดกลาง ตีต่อ 2 นาที

7. เติมส่วนผสมกล้วยบดกับน้ำมะนาว ตีด้วยความเร็วต่ำ 1 นาที ปิดเครืองใช้พายยางคนให้เข้ากันอีกที

8. ตัดหยอดใส่พิมพ์ ให้เกือบเต็มพิมพ์ ของรี่ใช้ที่ตักไอศครีมตักค่ะ ปริมาณ 1 สกู๊ปพอดี

9. นำเข้าเตาอบ ประมาณ 20 - 25 นาที


เค้กกล้วยหอมทานกับครีมชีสฟรอสติ้งก็จะเพิ่มความอร่อย (และความอ้วน) ขึ้นไปอีกนะคะ


  สูตรครีมชีสฟรอสติ้งค่ะ 

ครีมชีส           300  กรัม
วานิลลา      1/4  ช้อนชา
ไอซิ่ง        130  กรัม
      วิปปิ้งครีม   80  มิลลิกรัม  (แช่เย็น)

-  ตีผสมให้เนียนเข้ากัน ทำไปปาดหน้าเค้กได้เลยค่ะ

การทำลูกชิ้นปลา

วัตถุดิบในการทำลูกชิ้นปลา ก่อนที่จะเริ่มต้นทำ ลูกชิ้น ให้ทุกท่านมาดูวัตถุดิบที่ใช้ในการทำลูกชิ้นปลากันก่อนเลยครับว่ามีอะไรบ้าง ปลาที่ให้ความเหนียวและเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการทำลูกชิ้นได้แก่ ปลาอินทรี ปลาดาบลาว ปลาหางเหลือง ปลากราย ปลาสลาด ซึ่งเป็นปลาที่มีราคาค่อนข้างแพง ฉะนั้นในการทำอุตสาหกรรมลูกชิ้นจึงต้องใช้ปลาที่มีราคาถูก เช่น ปลาไหลทะเล ปลาฉลาม ปลาแดงตาโต ปลาน้ำดอกไม้ ปลาข้างเหลือง ปลาทรายแดง ปลาทรายขาว และปลาปากคม
 
 
ส่วนผสมในการทำลูกชิ้นปลา
1. เนื้อปลา ½ กิโลกรัม
2. เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ ( 3% ของน้ำหนักตัวปลา )
3. แป้ง 1 ช้อนโต๊ะ ( 2.5 – 5 % ของน้ำหนักตัวปลา )
4. น้ำแข็งบดละเอียดหรือน้ำเย็นจัด ( ขึ้นอยู่กับความชื้นของเนื้อปลาบด )
 
เครื่องไม้เครื่องมือในการทำ
1. มีดและเขียงชำแหละปลา
2. เครื่องบดปลา
3. เครื่องนวดปลา
4. หม้อต้มลูกชิ้น
 
วิธีทำทำลูกชิ้นปลา
- ขั้นตอนแรกให้ชำแหละปลาเอาแต่เนื้อ
- ขั้นตอนที่สองให้นำเนื้อปลามาบด ด้วยเครื่องบดประมาณ 2-3 ครั้ง หรือสับให้ละเอียด
- ต่อจากนั้นนวดเนื้อปลาในเครื่องนวดผสม ประมาณ 5 นาที จึงเติมเกลือ/น้ำเกลือครึ่งหนึ่ง
- พอเสร็จจากขั้นตอนการนวด ให้ท่านนวดต่อไปอีกประมาณ 5 นาที เติมเกลือส่วนที่เหลือ และนวดต่อไปอีกประมาณ 5-10 นาที ซึ่งระหว่างนวดเติมน้ำแข็งหรือน้ำเย็นจัด เพื่อให้เนื้อปลาเย็นและช่วยให้เหนียวยิ่งขึ้น ถ้าต้องเติมแป้งก็สลับกันกับน้ำจนกระทั้งเข้ากันดี
- ใช้ช้อนตักเนื้อปลาที่นวดแล้วให้เป็นลูกกลม ๆ ใส่ลงในน้ำอุ่น ๆ ที่อุณหภูมิประมาณ 40 องศาเซลเซียส นานประมาณ 20 นาที ระหว่างที่แช่ต้องคอยเติมน้ำอุ่นอยู่เสมอ เพื่อให้ลูกชิ้นแข็งตัวพอสมควร
- หลังจากนั้นนำลูกชิ้นไปต้มในน้ำเดือด เมื่อลูกชิ้นลอยแล้วจึงตักขึ้นแช่ในน้ำเย็นทันที
- และถ้าต้องการถนอมลูกชิ้น ให้แช่ในตู้เย็นเก็บได้นาน 1-2 สัปดาห์ (ไม่ควรแช่แข็ง) หรือแช่น้ำแข็งได้นาน 1 สัปดาห์

การทำหมูจิ

วิธีทำ จิ้มจุ่ม อร่อยอย่างมีคุณค่า สูตร จิ้มจุ่ม อร่อยอย่างมีคุณค่า : อีซี่ดู วันนี้ขอนำความรู้ ดีๆ มาให้ เป็นประจำทุกวัน ซึ่ง วิธีการทำอาหาร ของวันนี้คือ จิ้มจุ่ม อร่อยอย่างมีคุณค่า อาหารชนิดนี้นั้น เป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารที่นิยม รับประทาน นอกจากรสชาติที่อร่อย แล้วก็ยัง อุดมไปด้วยคุณค่าทางของสารอาหาร เอาหละ ตอนนี้ทุกคนน่าจะพร้อม ที่จะเริ่มทำอาหารกันแล้ว มาดูกันเลยว่า สูตรเด็ดของเราวันนี้นั้น มีวิธีทำ และ เครื่องปรุง ที่เราจะใช้ทำอาหาร อะไรบ้าง รับรองเลยว่า รสชาติเยี่ยม ไม่แพ้ภัตตาคาร มาทำให้กิน แน่นอน



วิธีทำจิ้มจุ่ม อร่อยอย่างมีคุณค่า และ เครื่องปรุง
อยากรับประทานอาหารประเภทจิ้มจุ่ม แต่ไม่อยากไปรับประทานนอกบ้าน ถามว่าเพราะอะไร ได้รับคำตอบว่า เนื้อสัตว์ไม่น่ารับประทาน ผักจะเป็นกะหล่ำปลีเสียส่วนใหญ่ อาจจะมีบางครั้งที่จัดเป็นโอกาสพิเศษในบ้าน โดยลูกๆให้ความร่วมมือ จึงต้องอร่อยด้วย มีคุณค่าด้วย อิ่มด้วย สุดท้ายต้องประหยัดการเลือกซื้ออาหารสดอาหารแห้งก่อนปรุง สิ่งสำคัญก็คงจะเป็นเนื้อสัตว์ ควรจะมีเนื้อไก่ เนื้อหมู ลูกชิ้นปลา ตับหมู ส่วนผักพวกกะหล่ำปลี ผักบุ้ง ขึ้นฉ่าย ต้นหอม คะน้า อย่าลืมซื้อซี่โครงไก่มาทำน้ำซุป มีหัวผักกาดขาว กุ้งแห้ง เกลือ น้ำปลา รากผักชี พริกไทยจากเครื่องปรุงทั้งหลายบางท่านอาจจะคิดว่าแพงไหมนี่ แต่ถ้าพูดถึงความคุ้มค่าหรือไม่1. ทุกคนในครอบครัวมีกิจกรรมร่วมกัน แม่ได้สอนลูกๆทำอาหารไปด้วย2. ประหยัดไม่ต้องออกจากบ้าน ทุกคนอิ่มอร่อย ได้อาหารที่คุณค่าราคาเหมาะสม3. อาหารสะอาด ปลอดภัย ได้ลงมือทำเองทุกอย่าง4. เลือกอุปกรณ์และเครื่องมือที่ใช้อยู่ในบ้าน แต่ถ้าสมาชิกในบ้านถูกใจ คงจะต้องจัดหาไว้ เช่น หม้อไฟฟ้าสำหรับต้มน้ำ กระชอนเล็กสำหรับลวกเนื้อสัตว์ ตะเกียบ ราคาไม่แพงมากส่วนผสม
http://www.eazydo.com/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%97%E0%B8%B3-%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%88%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%A1-%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2-%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3-%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%88%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%A1-%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2/

การทำลูกชื้นหมู

1. เนื้อแดง              800   กรัม
2. มันหมู                 200   กรัม
3. น้ำแข็งเกล็ด       200   กรัม
4. เกลือป่น             5   กรัม
5. พริกไทยป่น        5   กรัม
6. ผงแอกดอด        5   กรัม
7. แป้งมัน              160   กรัม
8. น้ำตาลทราย      10   กรัม
9. ผงรสดี               20   กรัม


1. เนื้อแดง              800   กรัม
2. มันหมู                 200   กรัม
3. น้ำแข็งเกล็ด       200   กรัม
4. เกลือป่น             5   กรัม
5. พริกไทยป่น        5   กรัม
6. ผงแอกดอด        5   กรัม
7. แป้งมัน              160   กรัม
8. น้ำตาลทราย      10   กรัม
9. ผงรสดี               20   กรัม




วิธีทำ
1. หมูเนื้อเลาะเอามัน พังผืด และมันติดออก
2. หั่นหมูเป็นชิ้นเล็ก ๆ ประมาณ 1x2 นิ้วบาง ๆ ใส่เกลือ คลุกให้ทั่วแล้วนำไปแช่ตู้เย็นประมาณ 3 ชั่วโมง
3. นำมาบดด้วยเครื่องบดเนื้อรูใหญ่ก่อน แล้วบดด้วยตะแกรงรู เล็กอีกทีหนึ่ง
4. นำออกใส่เครื่องสับเนื้อ สับจนเหนียว เติม ผลแอกคอด และน้ำแข็งเกล็ด
5. เติมเครื่องปรุง ตีไปเรื่อย ๆ และเติมน้ำแข็งไปเรื่อย ๆ จนได้ลักษณะมวลเหนียว ระหว่างตีควรรักษาอุณหภูมิ ไม่ให้เกิน 14-16 c
6. ปั้นลูกชิ้นเป็นก้อนกลม ด้วยมือขนาด ตามต้องการใส่ลงไปในน้ำร้อนที่มีอุณหภูมิ 60 c พอลูกชิ้นสุกจะลอยขึ้นมาตักขึ้น นำไปแช่ในน้ำร้อนที่มีอุณหภูมิ 80 c เวลา 10 นาที
7. ตักลูกชิ้นขึ้นให้สะเด็ดน้ำ บรรจุถุงพลาสติก มัดให้แน่ นำไปน็อกเย็น โดยใช้น้ำแข็งผสมน้ำ เล็กน้อยและเก็บในตู้เย็น
http://www.siamdara.com/ColumnGirl.asp?cid=1866

การทำหมูหัน

วิธีทำหมูหัน
หมูหัน เป็นชื่อของอาหารจีนชนิดหนึ่งที่ทำมาจากลูกหมูที่ผ่านกรรมวิธีปรุงรสแล้วนำมาย่างให้หนังกรอบทั้งตัว

วิธีทำ
หมูหันทั้งตัว
- หมู ทำแล้ว ขนาด 20 -30 ก.ก.ผ่าท้องเอาเครื่องในออกหมด ทำสะอาดขูดขนใหม่อีกที แผ่ตัวหมูออกได้จนราบ
อุปกรณ์
- เตาย่างหมู เป็นเตาปั้นด้วยดินเหนียวดิบ ภายในกว้างประมาณ 70-80 ซม. ยาวประมาณ150 ซม. เปลือกเตาหนาประมาณ 20 ซม. สูงประมาณ 80 ซม. เปิดปาก มีครอบเหล็กแผ่น สีเหลี่ยม ตามรูปเตา สูงประมาณ2 เมตร มีฝาปิดทำด้วยแผ่นเหล็ก มีขาตั้งรองรับราวหมุนด้านหัวท้าย ทั้งหมดจ้างคนชำนาญการทำให้ ระยะห่างระหว่างตัวหมูขณะพลิกตั้ง ต้องสูงกว่าไฟประมาณ 1-1.5 เมตร ไม่เช่นนั้นจะไหม้เพราะเมื่อน้ำมันหยดลงถูกถ่านจะลุกไหม้ขึ้น
- ฟืนก่อไฟ และถ่าน 1 - 2 กระสอบป่าน
- ราวยึดตัวหมู เป็นเหล็กแป๊บหนา เชื่อมเหล็กขวาง มัดยึด ตัวหมูกับราวและเหล็กขวางด้วยลวด ปลายข้างหนึ่ง โผล่ออกมามีเหล็กขวางเพื่อจับหมุนพลิกหมูที่ย่างในครอบเหล็ก โดยมีจุดรองรับน้ำหนักหัวท้ายแป๊บนี้
กระบอกฉีดยา 20 ซีซี เข็มขนาดเข็มน้ำเกลือ

เครื่องเทศ - เครื่องหอม
กระวาน กานพลู พริกไทย ลูกจันท์ อบเชย โป้ยกั๊ก

วิธีทำ
1.ทั้งหมดคั่วไฟอ่อนๆ โขลกละเอียดเป็นผง
2. กระเทียม พริกไทย รากผักชี ทั้งหมดโขลกละเอียด

เครื่องปรุงรส น้ำตาล(น้อยมาก) ซอสปรุงรส ซิอ๊วขาว เหล้าจีน
วิธีปรุงน้ำหมัก
เอาเครื่องเทศ กระเทียมพริกไทย รากผักชี ต้มกับน้ำ ประมาณ 1 ลิตร นาน 10 นาที แล้วกรองกากออกอย่างละเอียดจริงๆ ผสมน้ำนี้กับซอสปรุงรส 1 ขวด ซิอิ๊วขาว 1/2 ขวด ผสมเข้ากันดีแล้ว ตักใส่กระบอกฉีดยา ติดเข็ม ฉีดเข้าทุกตารางนิ้วของตัวหมู โดนปักเข็มลึกบ้าง ตื้นบ้างสลับกันไป
ทิ้งไว้ประมาณ 1-2 ชั่วโมง
http://www.noyshop.com/web-board/board.php?newsId=1208

การทำหมูหยอง

ส่วนผสม1. เนื้อหมูแดง         1   กิโลกรัม
2. น้ำตาลทราย         200   กรัม
3. ซีอิ้วขาว            20   กรัม
4. เกลือป่น         4   กรัม
5. โป๊ะกั๊กผสมอบเชย      1   ห่อ
วิธีทำ
1. หมูเนื้อแดง เลาะมันและพังผืดออกให้หมด หั่นตามยาวของเส้นเนื้อ ประมาณ 2-4 นิ้ว ก็จะได้ก้อนเนื้อคล้ายก้อนลูกเต๋า
2. นำเนื้อหมูที่หั่นเตรียมไว้ไปต้ม โดยใส่น้ำให้ท่วมก้อนเนื้อหมู เติมซีอิ้วขาวเกลือป่น และอบเชยโป๊ะกั๊ก ลงไปต้มด้วยกัน
3. เมื่อต้มน้ำเดือด ให้ตักฟองที่เกิดจากการต้มออกให้หมด ต้มประมาณ 2-3 ชั่วโมง เนื้อสุกรเริ่มเปื่อย
4. เมื่อเนื้อเปื่อยเติมน้ำตาลทราย ต้มต่อจนน้ำเกือบแห้ง จากนั้นให้ใช้ไม้พายตีก้อนเนื้อให้เป็นเส้น พร้ามที่จะนำมาหมูหย่อนในกระทะต่อไป
5. การหยองเนื้อหมู ใช้ไฟอ่อน ๆ ในขั้นแรก และผัดโดยใช้ไม้พายกวน และตะหลิว ผัก เนื้อหมูในกระทะ ให้เป็นเส้นเล็ก ๆ ฝอย ๆ โดยทำให้เส้นใยเนื้อหมู ได้รับความร้อนเท่า ๆ กันทุกเส้น
6. เมื่อหยองได้ระยะหนึ่งเส้นใย เริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อน ๆ ถึงขั้นตอนนี้ไม่ต้องใช้ไม้พาย ให้ใช้เฉพาะตะหลิว เท่านั้น เพราะไม้พายจะทำให้เส้นใย เนื้อหมู ที่แห้งและร้อนขาด และป่นไม้เป็นเส้น
7. ผัดหมูหยองในกระทะจนแห้งโดยใช้ไฟอ่อน ๆ
8. นำหมูหยองออกจากกระทะ รอให้เย็นบรรจุภาชนะปิดให้สนิท สามารถเก็บไว้ได้นาน


http://www.krunid.com/board/index.php?topic=211.0

การทำหมูหวาน

วิธีทำ หมูหวาน สูตร หมูหวาน : Eazydo วันนี้ขอนำวิธี การทำอาหาร ดีๆ มานำเสนอ เป็นประจำทุกวัน ซึ่ง วิธีทำ สูตรลับความอร่อย ของวันนี้คือ หมูหวาน ซึ่งมี วัตถุดิบ ที่เราจะใช้ในการทำอาหาร ดังต่อไปนี้
วิธีทำหมูหวาน และ เครื่องปรุง
ส่วนผสม
  • เนื้อหมูสามชั้น 350 กรัม
  • ซีอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
  • ซีอิ้วดำ 1 ช้อนชา
  • ซอสปรุงรส 1 ช้อนชา
  • น้ำตาลปึก 3 ช้อนโต๊ะ
  • หัวหอมแดง 3 หัว
  • น้ำเปล่า 1 ถ้วย
วิธีทำ
  • 1. นำเนื้อหมูมาล้างน้ำให้สะอาด สะเด็ดน้ำแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ส่วนหัวหอมแดงปลอกเปลือกแล้วนำไปล้างน้ำให้สะอาด จากนั้น ซอยบางๆ พักไว้
  • 2. เปิดเตาที่ไฟปานกลาง นำน้ำเปล่าใส่หม้อต้มให้เดือด ใส่เนื้อหมูลงไป พอเนื้อหมูเริ่มสุกให้ใส่เครื่องปรุงคือ ซีอิ้วดำ ซีอิ้วขาว และซอสปรุงรสลงไป
  • 3. คนเครื่องปรุงต่างๆ ให้เข้ากัน และเคี่ยวหมูไปประมาณ 30 นาทีโดยใช้ไฟอ่อนจนหมูนุ่ม
  • 4. เมื่อหมูเริ่มนุ่มแล้วให้ใส่น้ำตาลปึกลงไป คนให้น้ำตาลละลายและเคี่ยวต่อไปอีกประมาณ 15 นาที จากนั้น ใส่หัวหอมแดงซอยลงไป
  • 5. คนให้เข้ากัน จากนั้นก็ปิดเตา เตรียมไว้เสิร์ฟพร้อมข้าวคลุกกะปิได้เลยค่ะ

วิธีทำ หมูหวาน สูตร หมูหวาน วิธีทำหมูหวาน
ท่านผู้อ่านมากมาย ส่งอีเมลย์ มาถามว่าไม่มีอาหารประเภท พิชซ่า มาแนะนำบ้างเหรอ สำหรับคนที่นิยม รับประทาน จำพวกนี้ โปรดอดใจรออีกซักนิด ตอนนี้เรากำลัง เร่งค้นหาวิธีทำ เมนูอร่อย เหล่านี้ คิดว่ากลางเดือน น่าจะนำมาเสนอได้

http://www.eazydo.com/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%97%E0%B8%B3-%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3-%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%99/

วิธีทำกล้วยตาก

วิธีการทำกล้วยตาก
วิธีทำกล้วยตาก
ส่วนผสม


    1.กล้วยน้ำว้าสุก           3  หวี
    2.เกลือป่น                  2  ช้อนโต๊ะ
    3.น้ำ                         10  ถ้วย


วิธีทำ

1. ตัดกล้วยออกจากหวีเป็นลูก ตัดหัวตัดท้าย ปอกเปลือกล้วย ดึงเสันใยที่ลูกออก วางเรียงบนตะแกรง ตากแดดประมาณ 6-7 วัน

2. เมื่อตากกล้วยจนครบ 5 วันแล้ว ทำน้ำเกลือ โดยใส่เกลือกับน้ำลงในหม้อเคลือบ ตั้งไฟกลางให้เดือด และเกลือละลาย ยกลง ทิ้งไว้ให้อุ่น

3. นำกล้วยที่ตากมาคลึงให้แบน โดยวางกล้วยบนใบตองแล้ววางใบตองทับข้างบน ใช้มีัดกดเบา ๆ คลึงด้วยขวด จนกล้วยแบน ทำจนหมด แล้วล้างกล้วยด้วยน้ำเกลือที่ต้ม เรียงบนตะแกรง นำไปตากแดดอีกครั้งจนครบ 7 วัน หมั่นคอยกลับให้กล้วยแห้งทั้ง 2 ด้าน

4. เรียงกล้วยที่ตากลงในภาชนะที่มีฝาปิด ค้างไว้ 1 คืน กล้วยจะมีน้ำตาลซึมออกมา ทำให้กล้วยเป็นเงางามไม่แห้ง

http://www.kaweeclub.com/b100/t3904/

การทำกล้วยเชื่อม

ส่วนผสม
กล้วยไข่ห่ามๆ   12  ผล
น้ำตาลทราย      1   ถ้วยตวง
น้ำ                       1   ถ้วยตวง

วิธีทำ
1.  ตวงน้ำกับน้ำตาลใส่กระทะทองยกขึ้นตั้งไฟ เคี่ยวจนน้ำตาลละลาย แล้วนำมากรอง นำไปเคี่ยวใหม่จนน้ำตาลเดือด
2.  ปอกเปลือกกล้วย ลอกเส้นใยกล้วยออกให้หมด ใส่ในน้ำตาลที่เดือด จะเชื่อมทั้งลูก หรือตัดเป็น 2 ท่อนก็ได้
3.  เชื่อมไปสักครู่ จนเห็นว่าสีของกล้วยสุกเหลืองและใสทั่วกัน จึงตักขึ้นใส่จานหรือชามสำหรับรับประทาน

การทำกล้วยฉาบ

ส่วนผสม กล้วยหักมุก 1 หวี (แบบดิบ)
น้ำมันสำหรับทอด 2 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 2 1/2 ถ้วยตวง
น้ำ 3 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
วิธีทำ

ตั้งกระทะให้ร้อน เติมน้ำมันทั้งหมดลงในกระทะ พอให้ น้ำมันร้อน จึงปอกกล้วยแล้วฝาน เป็นแผ่นบาง ๆ ตาม ความยาวของผล ใส่ลงทอดในน้ำมันทันที หมั่นคนและ พลิกชิ้นกล้วยกลับให้ถูกความร้อนสม่ำเสมอกัน จนกรอบ ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน ทำให้หมดหวี
เทน้ำมันออกจากกระทำให้หมด ใส่น้ำตาล น้ำ และเกลือ ลงในกระทะนั้น ต้มจนน้ำตาลละลาย และเคี่ยวต่ออีกครู่ จนน้ำตาลเหนียวเป็นเส้น เมื่อใช้ปลายมีดจุ่มลงในน้ำเชื่อม แล้วยกมีดขึ้น น้ำเชื่อมจะยืดตามมีดเป็นเส้น
ใส่กล้วยที่ทอดไว้ ลงในกระทะน้ำเชื่อมทันทีที่ยกลงจากเตา เคล้าเบา ๆ ให้น้ำเชื่อมจับชิ้นกล้วยให้ทั่วถึง
พักไว้จนเย็นสนิทและน้ำเชื่อมแห้งสนิทด้วย จึงเก็บใส่ ภาชนะที่ปิดได้สนิท
ลองทำดูนะคะ (อาจจะใช้กล้วยดิบอื่นๆก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นกล้วยหักมุก)


http://www.baanmaha.com/community/thread12124.html

การทำมะม่วงกวน

มะม่วงกวน ถือเป็นขนมทานเล่นชนิดหนึ่ง มีลักษณะเป็นแผ่นบางๆ ค่อนข้างใส สีออกเหลืองหรือน้ำตาลอมเหลือง มีความเหนียวพอสมควร ทำเป็นรูปวงกลม ดอกไม้ หรือ ม้วนเป็นเกลียว เป็นต้น การทำมะม่วงกวนถือเป็นหนึ่งในวิธีการถนอมอาหารที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ หลักการถนอนอาหารโดยการกวนนั้นมีหลักดังนี้คือ นำเอาผลไม้ที่สุกแล้วมาเคี่ยวผสมรวมกับน้ำตาล โดยอาศัยความร้อนเป็นหลัก ซึ่งในการทำมะม่วงกวนนั้น ถือเป็นการกวนแบบแห้งที่ต้องใช้น้ำตาลในอัตราส่วนมากๆนั่นเอง รสชาดของมะม่วงกวนโดยส่วนใหญ่มักมีรสหวาน หวานอมเปรี้ยว หรือเปรี้ยวจัด โดยเคล็ดลับในการทำมะม่วงกวนให้น่ารับประทาน คือการเลือกสรรมะม่วงที่ไม่สุกจนเกินไป และแนะนำให้ใช้มะม่วงแก้วซึ่งเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายมากที่สุดในท้องตลาด หรือสามารถนำเอามะม่วงหลายๆชนิดมาผสมรวมกันก็ได้ ในความเป็นจริง วิธีการทำมะม่วงกวนนั้นถือว่าไม่มีหลักเกณฑ์หรืออัตราส่วนของส่วนผสมต่างๆที่แน่นอนตายตัว ขึ้นอยู่กับการประยุกต์ ดัดแปลงของแต่ละคน เพื่อให้ได้มะม่วงกวนในรสชาดตามที่ต้องการ

[แก้] ประโยชน์

  1. เป็นการยืดอายุของมะม่วง ทำให้สามารถเก็บไว้รับประทานได้นานขึ้น
  2. ได้รับประทานมะม่วงในรูปแบบ สี กลิ่น รสชาดที่ต่างไปจากการทานมะม่วงทั่วไป
  3. เป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ และสร้างรายได้เสริมให้กับผู้ผลิต

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B8%99

หมู่กระทะ

 

การเตรียมหมักเนื้อหมูกะทะ
1. วิธีที่1 ให้ใช้หมูหมักกับไข่ ผสมเกลือนํ้าตาลและนํ้าปลาให้เข้ากัน
เอาหมูไปผสมกับเกลือนํ้าปลานํ้าตาลที่ผสมแล้ว ก็จะออกมาเป็น
หมูหมักที่แสนอร่อย เก็บไว้นานโดยแช่เย็นห้ามเกิน 2วันนะค่ะ

2. วิธีที่2 MK SUKI ไม่ทราบว่าเป็นอย่างไร แต่ถ้าจะหมักหมูให้นุ่ม
ควรใส่แป้งมันเล็กน้อย น้ำสะอาด ซอสปรุงรส ซีอิ้ว และน้ำตาล
หมักไว้อย่างน้อย 3 ชม . ในช่องของตู้เย็นที่ไม่เย็นมากนัก
เนื้อ หมูจะนุ่มโดยไม่ต้องพี่งสารเคมี (ผงหมักหมู) สะอาดมาที่ 1 ตาม
มาด้วยโภชนการ ความอร่อยและน่ารับประทานจ๊ะ เห็นชาวต่างชาติ
บางคนใส่โค๊ก หมักใส่เครื่องปรุงแบบคุณหมึกหมดและเติมน้ำมันงา
ลงไปด้วยนะคะ แบบ MK เลยค่ะ แต่จิ๊กกี๋จะหมักทิ้งไว้1คืนนะค่ะ จ
นุ่ม เคี้ยวหนึบหนับแต่ไม่เหนียวเลย

3. วิธีที่3 หมักน้ำสับปะรดค่ะ หมูจะนิ่มระทดระทวย อร่อยด้วย ลดเวลา
ที่หมักหมูในน้ำสับปะรดลง เพียงแค่สักสองชั่วโมงก็พอแล้วล่ะค่ะ ขี้น
อยู่กับหมูที่คุณใช้ด้วย ว่าเหนียวมากน้อยเท่าใด ?

4. วิธีที่4 หมักหมูให้นุ่มก็ต้องใช้นำมันช่วยค่ะ โดยส่วนใหญ่ก็ใช้นำมัน
งาแต่ถ้าไม่ชอบกลิ่นมันก็เปลี่ยนเป็นนำมันพืชแทนก็ได้นะคะ หรือไม่ก็
ใช้ไข่ไก่หมักก็ได้ จะให้ดีต้องหมักค้างคืนค่ะ รับรองนุ่มแน่นอน

5. วิธีที่ 5 หมักง่ายๆก็ใส่ไข่ขาวลงไป ตามด้วยแป้งมัน แป้งข้าวโพดอย่าง
ละช้อน เติมน้ำมันงาลงไป แต่ถ้าต้องการเอาไปทำอาหารที่ไม่อยากให้มี
กลิ่นน้ำมันงา ก็เติมน้ำมันพืชนี่ค่ะลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากัน จะหมักไปกับ
น้ำปลา ซี อิ๊ว น้ำตาล หรืออะไรก็ตามต้องการได้เลยค่ะ

6. วิธีที่6 หมูหมักกับซีอิ้วขาว น้ำมันพืช น้ำมันหอย นมสด(สุดยอดแล้ว)
7. วิธีที่7 สูตรของหมึกแดงทีมค่ะ ไก่หรือหมู 1 กก.
      

ส่วนประกอบ 1. ไก่, หมู 1 kg.
2. แป้งข้าวโพด 10 gm.
3. โซเดียมไบคาร์บอเนต 10 gm.
4. MSG PLUS (ผงชูรสจะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้0.5gm.
5. ซีอิ๊วขาว 20 gm.
6. น้ำมันงา20gm.
7. น้ำเย็น 100 gm.

วิธีทำ 1. หั่นหมูหรือไก่ให้เป็นชิ้น
2. นำส่วนผสมที่ 2+3+4 ผสมให้เข้ากัน นำไปละลายในน้ำเย็น
3. ชั่งส่วนผสมที่ 5+6 ผสมให้เข้ากันทั้งหมดที่ทำมาข้างต้น
4. หมักทิ้งไว้ 1 ชม.
5. นำไปประกอบอาหาร

 
น้ำจิ้มหมูกะทะ (สูตร1)
1. พริกขี้หนูสับละเอียด 3 ชต.
2. งาขาวคั่ว 2 ชต.
3. น้ำตาลทราย 5 ชต.
4. นำส้มสายชู 5 ชต.
5. รากผักชี 2 ชต.
6. กระเทียม 3 ชต.
7. มะนาว 2 ชต.
8. เกลือ 1 ชต.


น้ำจิ้ม หมูกระทะ (สูตรสอง) 1.กระเทียม 2หัว
2.พริกขี้หนูตามชอบ
3.งาคั่ว
4. ซ๊อสพริกยี่ห้อที่ชอบ 200cc.กะๆเอา
5. น้ำตาลทราย
6.ชีอิ้วขาว
7.น้ำมะขามเปียก(น้ำส้มสายชูก็ใด้)
ทั้งหมดปั่นในเครื่อง ผสมอาหาร ชิมดูตามชอบ
ใด้ที่อย่าลืมผักชีสับนะคะ


น้ำจิ้มหมูกระทะ (สูตรสาม) 1.ซ้อสพริกศรีราชา 1 ช้อนโต๊ะ
2.ซ้อสมะเขือเทศ 1 ช้อนโต๊ะ
3.ซ้อสถั่วเหลือง 1 ช้อนชา
4.เต้าหู้ยี้ 1 ก้อน
5.ผงชูรส (ตัวเลือก) 1 ช้อนชา
6.พริกไทยป่น และผงพะโล้ นิดหน่อย
7.นำส่วนผสมทั้งหมด ตั้งไฟจนเดือด พักไว้


น้ำจิ้มหมู่กระทะ (สูตรสี่)
1.ซอสมะเขือเทศ
2.พริกขี้หนู
3.ข่า
4.รากผักชี
5.มะนาวเล็กน้อย
6.เกลือ
7.น้ำตาล
ผสมส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน จะตำหรือจะปั่น
ก็แล้วแต่ความสะดวก ปรุงรสตามชอบใจ
โรยหน้าด้วยผักชีซอยละเอียด และงาขาว ก็เป็นอันกินได้

http://www.thaigoodview.com/node/59256

สเต็กปลาแซลมอน

 สเต็กปลาแซลมอน ฟังแล้วน้ำลายาไหล ไปดูวิธีการทำ และการเตียมส่วนประกอบกันเลยดีกว่าครับ
 
ส่วนประกอบ
-น้ำมันมะกอก 4 ช้อนโต๊ะ
-แครอทหั่นบางๆ 3 ขีด
-น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
-มัสตาร์ด 1 ช้อนโต๊ะ
-น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ ( และหั่นมะนาวไว้ 1 ชิ้นสำหรับตกแต่งจาน )
-เนื้อปลาแซลมอน 500 กรัม ( หั่นหน้าประมาณ 1 นิ้วครึ่ง )
-เกลือและพริกไทย
-ผักชีสำหรับโรยหน้า 1 ช้อนชา
-ใบยี่หร่า 1/2 ช้อนชา
-อบเชย 1/4 ข้อนชา
-สะระแหน่สับหยาบๆ 1/3 ถ้วยตวง
-อัลมอนด์หั่นบาง ๆ 1/4 ถ้วย
 
ขั้นตอนการทำ
1. ผัดแครอทด้วยน้ำมันมะกอก ด้วยไฟอ่อน 2-3 นาที 
 
2. ทำน้ำซอสสำหรับราดบนชิ้นปลาเตรียมไว้เลย โดยการผสม น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ น้ำผึ้ง มาสตาร์ด น้ำมะนาว ผสมให้เข้ากัน
 
3. หมักปลาแซลมอน ด้วยเกลือ พริกไทย จากนั้น ทอดปลาแซลมอนบนกระทะ(แยกกับการผัดแครอทในขั้นตอนที่ 1) ใช้เวลาประมาณ 7 นาที จะมองเห็นชิ้นปลาเป็นสีเหลืองส้ม 
 
4. เมื่อสุขแล้วตักชิ้นแซลมอนลงบนจาน ราดด้วยน้ำซอส ที่เตรียมไว้ในขั้นตอนที่ 2 ก็เป็นอันเสร็จแล้ว อาจจะเพิ่มความสวยงามน่ารับประทานด้วยการโรย ผักชี ยี่หรืา หรือ อัลมอนด์ ด้วยก็ได้ หรือหากใครที่ชอบเค็มหน่อย ก็อาจจะหยอดเกลือป่นลงไปอีกก็ได้คะไม่ว่ากัน
 
คุณค่าทางโภชนาการของเมนูอาหารนี้:
525 แคลอรี่
ไขมัน 30 กรัม (อิ่มตัว 4 g)
คอเลสเตอรอล 108 มิลลิกรัมโซเดียม 260 มก.
คาร์โบไฮเดรต 21 กรัม
ไฟเบอร์ 5 กรัม
โปรตีน 41 กรัม

การทำสเต็ก

สเตก จัดเป็นอาหารยอดนิยม อีกชนิดนึง ของบ้านเรา หลายๆ คนมักคิดว่า สเตกที่ดีนั้น ต้องทาย ตามร้านหรูๆ แพงๆ แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย สเตก นั้นทำง่ายๆ มากๆ วันนี้เราเลยนำวิธี การทำ สเตกหมู มานำเสนอ ให้ลองนำไปทำกันดู

ส่วนประกอบ และ เครื่องปรุง ต่างๆ ที่เราใช้ ใน การทำสเต็ก ส่วนผสม เครื่องปรุง สเต็ก หมู
1. เนื้อหมู 250 กรัม
2. เกลือ 1/2 ช้อนชา
3. พริกไทยดำ เม็ด บุให้แตก 10 เม็ด
4. ซอส ปรุงรส 1 ช้อนชา
5. น้ำมัน 1 ช้อน กินข้าว
6. โซดา 1 ช้อน กินข้าว
7. หอม หัวใหญ่ 1 ชิ้น หั่นบางๆ
วิธีทําสเต็ก วิธี ทํา สเต็ก หมู พริกไทย ดํา
1. ให้นำเนื้อหมู มาขยำเบาๆ กับ โซดา แล้วหมักไว้ 5 นาที
2. หลังจากนั้นให้ใส่เครื่องปรุงทุกอย่าง ลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากัน
3. แล้วนำเนื้อหมูที่หมักแล้ว เข้าตู้เย็น ประมาณ 1/2 ชั่วโมง
4. เมื่อครบกำหนดแล้วให้ นำออกมาย่าง หรือทอดก็ได้แล้วแต่ชอบ
5. เวลาเสริฟ ให้ใส่ผักต้ม เช่น มันฝรั่งต้ม หรือแครอทต้ม หรือข้าวโพดหวานต้มก็ได้ และขนมปังปิ้งสองแผ่น
- เวลาย่าง เนื้อหมู พยายาม อย่าให้ เนื้อหมู สุก จนแห้ง มากเกินไป มันจะไม่อร่อย สเต็กหมู ที่ได้ ทานคู่ กับ ซอสมะเขือเทศ หรือ ซอสปรุงรส, เกลือ, พริกไทย จะหาซอสสเตกเฉพาะ มาใช้ร่วมกันก็ได้ เพื่อประหยัดเวลานการทำ น้ำราด สเตก

http://eazydo.com/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%97%E0%B9%8D%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B9%87%E0%B8%81-%E0%B8%AA%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B9/

การทำไอศกรีม

ตอนนี้ไม่ว่าจะเดินไปทางไหน ก็เจอแต่ไอร้อนที่พวยพุ่งขึ้นจากพื้นดิน ยังนับไม่รวมแสงแดดในช่วงกลางวันที่ร้อนจนทำให้หลาย ๆ คน แทบจะเป็นลมกันเลยทีเดียว ทางกระปุกดอทคอมจึงนำเมนูไอศกรีมเย็น ๆ รสชาติกลมกล่อมแบบไทย ๆ มาฝากกัน นั่นคือ ไอศกรีมกะทิสูตรโบราณ ซึ่งสูตรนี้ไม่ต้องใส่นม หรือใส่ครีม ก็อร่อยล้ำ เย็นฉ่ำ ชื่นใจกันได้ง่าย ๆ แต่ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณ คุณ narellan ที่นำวิธีทำสุดแสนจะง่ายนี้มาแบ่งปันกัน ....เอาล่ะ อย่ารอช้า เรามาดูขั้นตอนการทำไอศกรีมกะทิกันเลยดีกว่า

วิธีทําไอศครีมกะทิสด

ส่วนผสม

          1. กะทิกล่อง หรือกะทิกระป๋องสูตรเข้มข้น ขนาด 560 มิลลิลิตร   
          2. น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
          3. เกลือ ¾ ช้อนชา
          4. ไข่ไก่ 1 ฟอง
          5. เนื้อมะพร้าวอ่อนขูดเป็นเส้น (มีหรือไม่มีก็ได้)

วิธีทําไอศครีมกะทิสด

วิธีทำ

          1. เทกะทิทั้งหมด ผสมกับน้ำเปล่า 2 ถ้วย หรือถ้ามีน้ำมะพร้าว ก็ให้ใช้น้ำมะพร้าว กับน้ำเปล่าอย่างละ 1 ถ้วย เพื่อเพิ่มความหอมหวานของกะทิมากขึ้น 
          2. นำกะทิไปตั้งไฟ แล้วค่อย ๆ เทน้ำตาลทรายผสมลงไป จากนั้นคนให้เข้ากันจนกะทิเดือด
          3. นำกะทิมาพักให้เย็น จากนั้นเทใส่ภาชนะที่เหมาะกับการแช่เย็น

วิธีทําไอศครีมกะทิสด

          4. นำภาชนะดังกล่าวไปแช่ในช่องแข็ง จนกะทิเริ่มแข็งตัว
          5. ในการแช่กะทิ ให้สังเกตุว่ากะทิเริ่มเป็นเกล็ดหรือยัง หากเริ่มเย็นจนเป็นเกล็ดแล้ว สามารถนำออกจากตู้เย็น โดยไม่ต้องรอให้กลายเป็นน้ำแข็ง ซึ่งขั้นตอนนี้อาจใช้เวลานานพอสมควร
          6.นำกะทิดังกล่าวมาปั่น หากไม่มีเครื่องปั่นสำหรับทำไอศกรีม สามารถใช้เครื่องปั่นน้ำผลไม้ธรรมดาแทนได้ค่ะ
 

วิธีทําไอศครีมกะทิสด

ปั่นครั้งที่ 1

          นำกะทิใส่เครื่องปั่น และปั่นจนกว่าเนื้อไอศครีมจะละเอียด จากนั้นนำไปแช่ในช่องแข็งอีกรอบ

วิธีทําไอศครีมกะทิสด

ปั่นครั้งที่ 2

          เมื่อเนื้อไอครีมที่ปั่นรอบแรกเริ่มเป็นน้ำแข็ง ก็ให้นำออกมาปั่นใหม่อีกครั้ง โดยคราวนี้ให้ใส่ไข่ขาวลงไป 1 ฟอง เมื่อเครื่องปั่นตีกะทิกับไข่ขาวจนเข้ากันแล้ว จะเห็นว่าเนื้อไอศครีมขาว และฟูขึ้น จากนั้นจึงนำไปแช่ในช่องแข็งอีกรอบ
 

วิธีทําไอศครีมกะทิสด

ปั่นครั้งที่ 3

          นำไอศกรีมที่แช่จนเป็นเกร็ดแล้วมาปั่นอีกรอบ เพื่อให้เนื้อไอศกรีมเนียนฟูมากยิ่งขึ้น หากใครชอบทานไอศกรีมกะทิ แบบมีเนื้อมะพร้าวด้วย ให้นำเนื้อมะพร้าวอ่อนที่เราขูดไว้ มาผสมกับไอศกรีมกะทิที่ปั่นในรอบที่สาม แต่ในครั้งนี้ควรปั่นเพียงเล็กน้อยพอให้เนื้อมะพร้าวเข้ากันค่ะ หรือจะปั่นรอบที่สามให้เสร็จก่อน แล้วค่อยใส่เนื้อมะพร้าวแล้วปั่นอีกนิดก็ได้ค่ะ
 

วิธีทําไอศครีมกะทิสด

วิธีทําไอศครีมกะทิสด

          เพียงแค่นี้ เราก็จะได้ไอศกรีมกะทิแสนอร่อย เอาไว้ทานเพื่อคลายร้อนกันแล้วล่ะ...อ้อ เคล็ดลับความอร่อยของไอศกรีมกะทิจะอยู่ที่การปั่นเนื้อไอศกรีมให้ละเอียด ยิ่งปั่นหลายรอบ เนื้อไอศกรีมก็จะยิ่งเนียนฟูมากขึ้น แต่วิธีที่เรานำมาฝากนี้จะเป็นแบบเร่งรัดจ้า
http://women.kapook.com/view40457.html
 

การทำชีส

ส่วนผสมก็มี นม 1 กล่อง น้ำส้มสายชู 1 ช้อนชา
อุปกรณ์ ผ้าขาวสำหรับกรอง หม้อ 1 ใบ

1.เปิดเตาแก๊ส แล้วนำนมใส่ในหม้อจนเดือด
2.ใส่น้ำส้มสายชู  1 ช้อนชา
3.ถ้าเห็นมันเป็นก้อนๆแล้ว ปิดแก๊ส
4.คน1รอบแล้วปล่อยทิ้งไว้
5.นำมากรองเอาแต่ชีส

เพียงเท่านี้ก็จะได้ชีสแล้วจร้า ทั้งยังสามารถทำเปนดินน้ำมันให้เด็กเล่นได้เพราะปลอดภัย ถ้าอยากได้เป็นสีก็เติม ผงโกโก้(สีน้ำตาล) แครอทบด(สีส้ม) ใส่สีตอนต้มน้าาา

http://www.dek-d.com/board/view.php?id=2549428